เสื้อผ้าถือเป็นอีกหนึ่งของใช้จำเป็นสำหรับทุกคน แต่ในปัจจุบันก็มิได้ทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องนุ่งห่มดังเดิม แต่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างเสริมความสวยงาม เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงตัวตน รวมไปถึงการแสดงสถานภาพทางสังคมของผู้สวมใส่ได้ด้วย ดังนั้นนอกจากเสื้อผ้าที่ถูกผลิตมาเพื่อการค้าส่งและค้าปลีกที่วางจำหน่ายโดยทั่วไปแล้ว ‘การตัดเสื้อผ้าเฉพาะบุคคล’ ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเสื้อผ้าสำหรับกิจสำคัญ หรือต้องการแสดงความเป็นตัวตน แต่การตัดเสื้อผ้าเฉพาะบุคคลให้ได้ตามความต้องการนั้น สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้สไตล์ ฝีเย็บที่ประณีต หรือการวัดขนาดให้พอดี ก็คือการเลือกสรรผ้าที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดสัมผัสและรูปทรงเสื้อผ้าตามต้องการ ดังนั้นการทำความรู้จักประเภทของผ้าจึงน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งก่อนเลือกซื้อมาใช้งานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพได้มากที่สุด

1. ผ้าไหม
เส้นใยธรรมชาติที่ล้ำค่าอย่างผ้าไหมถูกนำมาใช้สำหรับการออกแบบเครื่องแต่งกายทั่วทุกมุมโลกตั้งแต่โบราณ เส้นใยชนิดนี้มีสัมผัสที่นุ่มละมุน และยังมีความแวววาวในตัวมันเอง เมื่อถูกนำมาใช้ออกแบบเครื่องแต่งกายแล้วจะให้ความรู้สึกหรูหรา ทำให้ในอดีตผ้าไหมมักถูกนำมาใช้ออกแบบเครื่องแต่งกายในราชสำนักทั่วโลก แต่ในปัจจุบันนิยมใช้สำหรับออกแบบชุดกลางคืน หรือชุดสำหรับพิธีการสำคัญต่างๆ

2. ผ้าฝ้าย
ผ้าฝ้ายหรือคอตตอนเป็นผ้าที่เหมาะกับเมืองอากาศร้อนอย่างประเทศไทยมาก เพราะมีความยืดหยุ่นสูง อีกทั้งยังระบายอากาศได้ค่อนข้างดี และช่วยดูดซับเหงื่อได้ดี จึงนิยมนำมาทำเป็นเสื้อยืด หรือเสื้อโปโลสำหรับการทำกิจกรรมที่อาศัยความคล่องตัวสูง ทั้งนี้ความนุ่มสบายของผ้าฝ้ายจะขึ้นอยู่กับเบอร์เส้นด้ายที่ยิ่งสูงจะยิ่งนุ่มสบายมากขึ้น

3. ผ้าลินิน
ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับผ้าฝ้ายนั่นคือระบายความร้อนได้ดี แต่ที่พิเศษยิ่งขึ้นเพราะให้ความรู้สึกเย็นสบายมากกว่าเมื่อสวมใส่ ไม่ดูดซับความชื้นและกลิ่น และยังมีเส้นใยที่เหนียวทนทานมากกว่า ผ้าลินินจึงเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ สำหรับแบรนด์เสื้อผ้าที่จะผลิตเสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นฤดูร้อน แต่ทั้งนี้อาจจะต้องทำความเข้าใจกับเนื้อผ้าชนิดนี้ที่มีความแข็งตัวและยับได้ง่าย หากไม่ชอบสัมผัสผ้าที่อาจจะไม่ลื่นกับผิวก็ต้องพิจารณาการเลือกใช้ด้วย

4. ผ้าวูล
ในอุตสาหกรรมการผลิตผ้าจะมีผ้าวูลที่เป็นขนสัตว์ทั้งหมด ผ้าวูลจึงเป็นคำเรียกรวมของผ้าที่ถูกถักทอจากขนสัตว์ทุกประเภท ซึ่งผสมเส้นใยสังเคราะห์เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งาน จะเป็นผ้าที่มีเส้นใยหนา และมีน้ำหนักกว่าเส้นใยชนิดอื่น จึงนิยมนำมาใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับการใส่ในฤดูหนาวอย่างเช่นเสื้อโค้ต หรือเสื้อไหมพรมที่จำเป็นสำหรับให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย

5. ผ้าลูกไม้
ถือเป็นผ้าที่เปรียบเสมือนตัวแทนความสวยงาม อ่อนช้อย และบริสุทธิ์ของหญิงสาว จึงเป็นเหตุผลที่ผ้าลูกไม้มักได้รับความนิยมนำมาประดับการออกแบบชุดเจ้าสาว ผ้าลูกไม้เป็นการถักทอผ้าให้เกิดลวดลายสวยงามโดยเว้นระยะระหว่างผ้าที่โปร่งบาง และลวดลายที่ประณีต ดังนั้นการเลือกผ้าลูกไม้มาเพื่อออกแบบชุดจึงควรคำนึงถึงการเลือกซับในมาประกอบกันเพื่อให้ได้ชุดที่ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

6. ผ้าทาฟต้า
ผ้าทาฟต้ามักเป็นที่นิยมสำหรับการออกแบบชุดเจ้าสาว หรือชุดราตรีเพราะผ้ามีลักษณะเงา มัน สวยงาม เมื่อเนื้อผ้าเจอกับแสงไฟ อีกทั้งยังมีความหนาให้เลือกหลายขนาด ทำให้นำไปสร้างสรรค์ชุดได้หลากหลายตามจุดประสงค์โดยผ้าทาฟต้าที่เนื้อเบาบาง มักนิยมนำไปใช้เป็นซับในสำหรับชุดเพื่อให้เกิดความรู้สึกสบายผิวเมื่อสวมใส่ ส่วนผ้าทาฟต้าที่มีความหนาขึ้นมาก็จะถูกนำไปใช้สำหรับการตัดเย็บชุด

7. ผ้าซาติน
เราอาจจะคุ้นชินกับคำว่าซาติน และเข้าใจว่าซาตินเป็นประเภทหนึ่งของผ้า แต่ที่จริงแล้วซาตินเป็นคำเรียกลักษณะการทอผ้าแบบหนึ่งเพื่อให้ได้ผืนผ้าที่ด้านหนึ่งจะมีลักษณะเรียบ ลื่น เป็นเงาสวย แต่อีกด้านหนึ่งจะมีความทื่อและหยาบกว่า จึงทำให้ผ้าที่ทอด้วยวิธีการซาตินจะคงรูปได้ดีกว่าผ้าไหมที่มีความแวววาวในตัวเส้นใย ผ้าซาตินสามารถสร้างขึ้นได้จากหลากหลายเส้นใยไม่ว่าจะเป็นไหม ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือแม้กระทั่งผ้าวูล

8. ผ้าชีฟอง
เช่นเดียวกันกับผ้าซาตินที่คนส่วนมากมักเข้าใจว่าเป็นชนิดของเส้นใย แต่ที่จริงแล้วผ้าชีฟองก็คือวิธีการถักทอเส้นใย โดยการถักทอลักษณะพื้นฐานคือการถักเส้นใยไขว้สลับกันไปมา หรือแบบขึ้นหนึ่งลงหนึ่ง ทำให้ผ้าที่ได้จะมีลักษณะโปร่งแสง และเบากว่าผ้าชนิดอื่นๆ แต่ยังคงความเรียบลื่นและแวววาว จึงมักนำมาใช้ทำเป็นส่วนประกอบของชุดราตรีให้มีลักษณะฟูฟ่อง หรืออาจจะใช้สำหรับการออกแบบกระโปรงสำหรับการเต้น ไปจนถึงชุดชั้นใน

9. ผ้าโพลีเอสเตอร์
เป็นผ้าอีกหนึ่งประเภทที่ถูกสังเคราะห์ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด โดยเส้นใยที่ถูกนำมาใช้คือเส้นใยพลาสติกนำมาถักทอจนกลายเป็นผ้า คุณสมบัติของผ้าชนิดนี้จะคล้ายกับผ้าเส้นใยธรรมชาติอย่างผ้าฝ้าย หรือลินินคือสามารถระบายอากาศได้ดี ไม่ดูดความชื้น จึงทำให้แห้งง่าย แต่ข้อดีมากกว่าก็คือผ้าชนิดนี้ไม่ยับง่าย คงทนมากกว่า จึงถูกนำมาใช้ออกแบบทั้งยูนิฟอร์ม ชุดสูท เสื้อผ้ากีฬา และยังถูกนำไปใช้สำหรับการทำกระเป๋าหรือรองเท้าด้วย

10. ผ้าสแปนเด็กซ์
ผ้าสแปนเด็กซ์ถูกจัดให้เป็นประเภทสิ่งทอที่มีความยืดหยุ่นสูง ขยายตัวได้มาก อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าผ้าชนิดอื่นๆ สามารถระบายเหงื่อ และความร้อนออกจากร่างกายได้ดีกว่าผ้าชนิดอื่น จึงนิยมนำมาใช้สำหรับตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับการออกกำลังกายที่แนบเนื้อแต่ยืดหยุ่น และสบายตัวมากกว่า หรือสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นผ้าประเภทนี้มักถูกนำมาใช้ตัดเย็บเป็นกางเกงเลกกิ้งด้วย

อ้างอิงเนื้อหาจาก https://www.sanook.com/women/189045/